คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือหรืออุปกรณืประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานด้วยคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือโปรแกรมต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายได้หลายแบบ ลักษณะเด่นของคอมพิวเตอร์คือมีศักยภาพสูงในการคำนวณประมวลผลข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเลข รูปภาพ ตัวอักษร และเสียง
ส่วนประกอบสำคัญของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์
หมายถึง ส่วนที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่้งออกเป็น 5 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit)
เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อ ทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าสู่้ระบบ เพื่อกำหนดให้คอมพิมเตอร์ทำงานตามความต้องการ ได้แก่
- แป้นอักขระ (Keyboard)
- แผ่นซีดี (CD-Rom)
- ไมโครโฟน (Microphone) เป็นต้น
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์
หมายถึง ส่วนที่ประกอบเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่้งออกเป็น 5 ส่วนคือ
ส่วนที่ 1 หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit)
เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อ ทำหน้าที่ป้อนสัญญาณเข้าสู่้ระบบ เพื่อกำหนดให้คอมพิมเตอร์ทำงานตามความต้องการ ได้แก่
- แป้นอักขระ (Keyboard)
- แผ่นซีดี (CD-Rom)
- ไมโครโฟน (Microphone) เป็นต้น
ส่วนที่ 2 หน่วยประมวลผลกลาง
(Central Processing Unit)
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวณทั้งทางตรรกะและคณิตศาสตร์ รวมถึงการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับ
(Central Processing Unit)
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการคำนวณทั้งทางตรรกะและคณิตศาสตร์ รวมถึงการประมวลข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับ
ระบบคอมพิวเตอร์
หมายถึง กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใดๆกับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้งานให้มากที่สุด เช่น ระบบเสียภาษี ระบบทะเบียนราษฎร์ ระบบทะเบียนการค้า ระบบเวชระเบียนโรงพยาบาล เป็นต้น
การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้โดยการตรวจสอบจากการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์จากหน่้วยงานที่เกี่ยวข้อง
หมายถึง กรรมวิธีที่คอมพิวเตอร์ทำการใดๆกับข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ตามความประสงค์ของผู้ใช้งานให้มากที่สุด เช่น ระบบเสียภาษี ระบบทะเบียนราษฎร์ ระบบทะเบียนการค้า ระบบเวชระเบียนโรงพยาบาล เป็นต้น
การเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้โดยการตรวจสอบจากการประมวลผลของระบบคอมพิวเตอร์จากหน่้วยงานที่เกี่ยวข้อง
องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์
ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่วนเครื่อง
2. ซอฟแวร์ (Software) หรือส่วนชุดคำสั่ง
3. ข้อมูล (Data)
4. บุคลากร (Peopleware)
ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 4 ส่วน ดังนี้
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หรือส่วนเครื่อง
2. ซอฟแวร์ (Software) หรือส่วนชุดคำสั่ง
3. ข้อมูล (Data)
4. บุคลากร (Peopleware)
ฮาร์ดแวร์ (Hardware)
หมายถึง ตัวเครื่องและอุึปกรณ์ส่วนต่างๆที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้ ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 4 ส่วน ดังนี้คือ
1. ส่วนประมวลผล (Processor)
2. ส่วนความจำ (Memory)
3. อุปกรณ์รับเข้าและส่งออก (Input - Output Devices)
4. อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล (Storage Device)
หมายถึง ตัวเครื่องและอุึปกรณ์ส่วนต่างๆที่เราสามารถสัมผัสและจับต้องได้ ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วยส่วนที่สำคัญ 4 ส่วน ดังนี้คือ
1. ส่วนประมวลผล (Processor)
2. ส่วนความจำ (Memory)
3. อุปกรณ์รับเข้าและส่งออก (Input - Output Devices)
4. อุปกรณ์หน่วยเก็บข้อมูล (Storage Device)
ส่วนที่ 1 CPU
CPU เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เปรียบเสมือนสมอง
มีหน้าที่หลักในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ประมาลผลและเปรียบเทียบข้อมูลโดยทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดิบและแปลงให้เป็นสารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ความสามารถของ ซีพียู นั้น พิจารณาจากความเร็วของการทำงาน การรับส่งข้อมูล อ่านและเขียนข้อมูลในหน่วยความจำ ความเร็วของซีพียูขึ้นอยู่กับตัวให้จังหวะที่เรียกว่า สัญญาณนาฬิกาเป็นความเร็วของจำนวนรอบสัญญาณใน 1 วินาทีมีหน่วยเป็น เฮิร์ตซ์ (Hertz) เช่น สัญญาณความเร็ว 1 ล้านรอบใน 1 วินาที เทียบเท่าความเร็วสัญญาณนาฬืกา 1 จิกะเฮิร์ตซ์ (1GHz)
CPU เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เปรียบเสมือนสมอง
มีหน้าที่หลักในการควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ ประมาลผลและเปรียบเทียบข้อมูลโดยทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดิบและแปลงให้เป็นสารสนเทศที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ความสามารถของ ซีพียู นั้น พิจารณาจากความเร็วของการทำงาน การรับส่งข้อมูล อ่านและเขียนข้อมูลในหน่วยความจำ ความเร็วของซีพียูขึ้นอยู่กับตัวให้จังหวะที่เรียกว่า สัญญาณนาฬิกาเป็นความเร็วของจำนวนรอบสัญญาณใน 1 วินาทีมีหน่วยเป็น เฮิร์ตซ์ (Hertz) เช่น สัญญาณความเร็ว 1 ล้านรอบใน 1 วินาที เทียบเท่าความเร็วสัญญาณนาฬืกา 1 จิกะเฮิร์ตซ์ (1GHz)
ส่วนที่ 2 หน่วยความจำ (Memory)
จำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. หน่วยความจำหลัก (Main Memory)
จำแนกออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. หน่วยความจำหลัก (Main Memory)
เป็นหน่วยเก็บข้อมูลและคำสั่งต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์ ประกอบด้วย
ชุดความจำข้อมูลที่สามารถบอกตำแหน่งที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่ง ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บไว้และสามารถนำออกมาใช้ในการประมวลผลภายหลัง โดย CPU ทำหน้าที่ในการนำข้อมูลเข้าและนำออกจากหน่วยความจำ การทำงานของคอมพิวเตอร์ ต้องใช้พื้นที่ของหน่วยความจำในการทำงานประมวลผลและเก็บข้อมูล ขนาดของความจุของหน่วยความจำคำนวณได้จากค่าจำนวนพื้นที่ในการเก็บข้อมูล จำนวนพื้นที่ คือ จำนวนข้อมูล และขนาดของโปรแกรมที่สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด พื้นที่หน่วยความจำมีมากจะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วมากยิ่้งขึ้น
ชุดความจำข้อมูลที่สามารถบอกตำแหน่งที่เก็บข้อมูลหรือคำสั่ง ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บไว้และสามารถนำออกมาใช้ในการประมวลผลภายหลัง โดย CPU ทำหน้าที่ในการนำข้อมูลเข้าและนำออกจากหน่วยความจำ การทำงานของคอมพิวเตอร์ ต้องใช้พื้นที่ของหน่วยความจำในการทำงานประมวลผลและเก็บข้อมูล ขนาดของความจุของหน่วยความจำคำนวณได้จากค่าจำนวนพื้นที่ในการเก็บข้อมูล จำนวนพื้นที่ คือ จำนวนข้อมูล และขนาดของโปรแกรมที่สามารถเก็บข้อมูลได้สูงสุด พื้นที่หน่วยความจำมีมากจะทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วมากยิ่้งขึ้น
หน่วยประมวลผลกลาง (CPU)
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU มี ความหมายทางด้านฮาร์ดแวร์ 2 อย่าง คือ
1. ชิป (chip) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
หน่วยประมวลผลกลาง หรือ CPU มี ความหมายทางด้านฮาร์ดแวร์ 2 อย่าง คือ
1. ชิป (chip) ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
2. เคส (case) ตัวเครื่อง สำหรับบรรจุ CPU
2. หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage)
2. หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage)
หน่วยความจำสำรอง
(Secondary Memory Unit)
หน่วยความจำสำรอง หรือหน่วยเก็บข้อมูลรอง เป็นหน่วยเก็บที่สามารถรักษาข้อมูลได้ตลอดไปหลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว
หน่วยความจำรองมีหน้าที่หลัก คือ
1. ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือสำรองข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต
2. ใช้ในการเก็บข้อมูลโปรแกรมไว้อย่างถาวร
3. ใช้เป็นสื่อในการส่งผ่านข้อมูลระหว่่างเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
(Secondary Memory Unit)
หน่วยความจำสำรอง หรือหน่วยเก็บข้อมูลรอง เป็นหน่วยเก็บที่สามารถรักษาข้อมูลได้ตลอดไปหลังจากปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว
หน่วยความจำรองมีหน้าที่หลัก คือ
1. ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือสำรองข้อมูลเพื่อใช้ในอนาคต
2. ใช้ในการเก็บข้อมูลโปรแกรมไว้อย่างถาวร
3. ใช้เป็นสื่อในการส่งผ่านข้อมูลระหว่่างเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ประโยชน์ของหน่วยความจำสำรอง
หน่วยความจำรองจะช่วยแก้ไขปัญหาการสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเพราะข้อมูลต่างๆที่ส่งเข้ามาประมวลผล เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกนำไปเก็บในความจำหลักประเภทแรม ปากปิดเครื่องหรือมีปัญหาทางไฟฟ้า อาจทำให้ข้อมูลสูญหายจึงจำเป็นต้องมีหน่วยความจำรอง เพื่อนำข้อมูลจากหน่วยความจำแรมมาเก็บไว้ใช้งานในครั้งต่อไป หน่วยความจำประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบในรูปของสื่อที่ใช้ในการบันทึุกข้อมูลภายนอก เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นบันทึก ชิปดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี เทปแม่เหล็ก หน่วยความจำแบบแฟลช หน่วยความจำรองนี้ ถึงจะไม่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ
หน่วยความจำรองจะช่วยแก้ไขปัญหาการสูญหายของข้อมูลอันเนื่องมาจากไฟฟ้าดับเพราะข้อมูลต่างๆที่ส่งเข้ามาประมวลผล เมื่อเรียบร้อยแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกนำไปเก็บในความจำหลักประเภทแรม ปากปิดเครื่องหรือมีปัญหาทางไฟฟ้า อาจทำให้ข้อมูลสูญหายจึงจำเป็นต้องมีหน่วยความจำรอง เพื่อนำข้อมูลจากหน่วยความจำแรมมาเก็บไว้ใช้งานในครั้งต่อไป หน่วยความจำประเภทนี้ส่วนใหญ่จะพบในรูปของสื่อที่ใช้ในการบันทึุกข้อมูลภายนอก เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นบันทึก ชิปดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี เทปแม่เหล็ก หน่วยความจำแบบแฟลช หน่วยความจำรองนี้ ถึงจะไม่มีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ยังสามารถทำงานได้ปกติ
ส่วนแสดงผลข้อมูล
ส่วนแสดงผลข้อมูล คือส่วนที่แสดงข้อมูลจากสัญญาณไฟฟ้าในหน่วยประมวลผลกลางให้เป็นรูปแบบที่คนเราสามารถเข้าใจได้ อุปกรณ์ที่แสดงผลข้อมูลได้แก่ จอภาพ (Monitor) เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องพิมพ์ภาพ (Ploter) และ ลำโพง (Speaker) เป็นต้น
ส่วนแสดงผลข้อมูล คือส่วนที่แสดงข้อมูลจากสัญญาณไฟฟ้าในหน่วยประมวลผลกลางให้เป็นรูปแบบที่คนเราสามารถเข้าใจได้ อุปกรณ์ที่แสดงผลข้อมูลได้แก่ จอภาพ (Monitor) เครื่องพิมพ์ (Printer) เครื่องพิมพ์ภาพ (Ploter) และ ลำโพง (Speaker) เป็นต้น
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์
(PEOPLEWARE)
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง คนที่มีความรู้ความสามารถในการใช้หรือควบคถมให้การใช้คอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างราบรื่นอาจจะประกอบด้วยคนเพียงคนเดียว หรือหลายคนช่วยกันรับผิดชอบโครงสร้างของหน่วยงานคอมพิวเตอร์
(PEOPLEWARE)
บุคลากรทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง คนที่มีความรู้ความสามารถในการใช้หรือควบคถมให้การใช้คอมพิวเตอร์เป็นไปอย่างราบรื่นอาจจะประกอบด้วยคนเพียงคนเดียว หรือหลายคนช่วยกันรับผิดชอบโครงสร้างของหน่วยงานคอมพิวเตอร์
ประเภทของบุคลากรทางคอมพิวเตอร์
(PEOPLEWARE)
1. ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน
2. ฝ่ายเกี่ยวกับโปรแกรม
3. ฝ่ายปฎิบัติงานเครื่องและบริการ
(PEOPLEWARE)
1. ฝ่ายวิเคราะห์และออกแบบระบบงาน
2. ฝ่ายเกี่ยวกับโปรแกรม
3. ฝ่ายปฎิบัติงานเครื่องและบริการ
- นักวิเคราะห์ระบบงาน
ทำการศึกษาระบบงานเดิม ออกแบบระบบงานใหม่
- โปรแกรมเมอร์
นำระบบงานใหม่ที่นักวิเคราะห์ระบบออกแบบไว้มาสร้างเป็นโปรแกรม
- วิศวกรระบบ
ทำหน้าที่ออกแบบ สร้าง ซ่อมบำรุง และดูแลรักษาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานได้ตามต้องการ
- พนักงานปฎิบัติการ
ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ หรือภารกิจประจำวัน ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
ทำการศึกษาระบบงานเดิม ออกแบบระบบงานใหม่
- โปรแกรมเมอร์
นำระบบงานใหม่ที่นักวิเคราะห์ระบบออกแบบไว้มาสร้างเป็นโปรแกรม
- วิศวกรระบบ
ทำหน้าที่ออกแบบ สร้าง ซ่อมบำรุง และดูแลรักษาฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ให้สามารถทำงานได้ตามต้องการ
- พนักงานปฎิบัติการ
ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ หรือภารกิจประจำวัน ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
2. ตัวแปลภาษา
การพัฒนาซอฟแวร์ต้องอาศัยซอฟแวร์ ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูงเพื่ อแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเค รือง
ภาษาระดับสูงมีหลายภาษาซึ่งสร้า งขึ่งเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมชุ ดคำสังได้ง่าย เข้าใจได้ และเพื่อให้สามารถปรับปรุงแก้ไข ซอฟแวร์ในภายหลังได้
ซึ่งภาษาระดับสูงได้แก่ ภาษาBasic Pascal C และภาษาโลโก เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีภาษาคอบพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ ในปัจจุบันอีกมากได้แก้ Forrtran Cobol และภาษาร์อาพีจี
2.2 ซอฟแวร์ประยุกต์
Application Software
ซอฟแวร์ที่ใช้งานรวมกับคอมพิวเต อร์ เพื่อใช้ทำงานเฉราะด้าน เช้น การจัดพิมพ์รายงาน การนำเสนองาน การจัดทำบัญชี การตกแต่งภาพ หรือการออกแบบเว็บไซต้ เป็นต้น
ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์
แบ่งตามลักษณะการผลิต จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1 ซอฟแวร์ที่พัฒนาขึนใช้เองโดยเฉร าะ
Propietary Sofware
2 ซอฟแวร์ที่หาซื่อได้ทั่วไป Pacfaged Software
มีทั้งโปรแกรมเฉราะ Customized package และโปรแกรมมาตรฐาน Standard package
ประเภทของซอฟแวร์ปรัยุกต์
แบ่งตามกลุ่มใช้งาน จำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดั่งนี้
1. กลุ่มการใช้งานทางธุรกิจ
Business
2. กลุ่มการใช้งานด้านกราฟิกและมัล ติมีเดียว Graphic and Multimedia
3. กลุ่มการใช้งานเว็บ Wed and communicatiosn
กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ Business
ซอฟแวแวร์กลุ่มนี้ ถูกนำมาใช้โดยมุ่งหวังให้การทำง านมีประสิทธิภาพมากขึง เช่น การจักพิมพ์รายงานเอกสาร นำเสนอและการบันทึกนัดหมายต่างๆ ตัวอยางเช่น
โปรปกรมประมวลคำ อาทิ MICROSOFT WORRD SUN StarOffce Writer
โปรแกรม ตารางคำนวน อาทิ MICROSOFT Excel SUN StarOffce Cals
โปรแกรมนำเสนองาน อาทิ Microsoft PowerOoint Sun StarOffice Impress
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและ มัลติมีเดีย
ซอฟแวกลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ่งเพื่อ ช่วยการด้านงานกราฟิกและมัลติมี เดีย เพื่อให้งานง่ายขึ่น เช่นใช้ในการ ตกแต้ง วาดรูป ปรับเสียง ตักต่อ ภาพเคลื่อนไหว และการสร้างและการออกแบบเว็ปไซต ์ ตัวอยางเช่น
โปรแกรมงานออกแบบ อาทิ Microsft Professional
โปรแกรมตกแต่แต่งภาพ อาทิ coreldraw adode photshop
โปรแกรมตัดต่อวิดิโอและเสียง อาทิ adobe premirer pinnacle studio dv
โปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดีย อาทิ adobe authorwarer toolbook instructor adobe directtor
โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ adobe flash adobe dreamweaver
กลุ่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่ อสื่อสาร
เมื่อเกิดการเติบโตของเครือข่าย อินเตอร์เน็ตซอฟแวร์กล่มนี้ได้ถู กพัฒนาขึ่งเพื่อใช้งานเฉราะเพิ ่มมากขึ่น เช่น โปรแกรมการตรวจเช็กอีเมลการท่อง เว็บไซต์ การจัดการดูแลเว็บ และการส่งข้อความติดต่อสื่อสาร การประชุมทางไกลผ่านเครือข่าย ตัวอยางโปรแกรมในกลุ่มนี้ได้แก้
โปรแกรมจดการอีเมล อาทิ Microroft Outlook Mozzila hunderdird
โปรแกรมท่องเว็บ อาทิ Microroft internet explcrer moxxila fireox
โปรแกรม ประชุมทางไกล video conference อาทิ Microroft netmeeting
โปรแกรมส่งข้อความด่วน intant messaging อาทิ sms messenger window messenger icq
โปรแกรมสนทนาบนอินเตอร์เน็ต อาทิ pirch mirch
ความจำของการใช้ซอฟแวร์
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าค อมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันที แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากม ากเพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ใน รูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยคข้อความ ภาษาในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่ าภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมายบางภาษ ามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงาน การคำนวณทางคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์บางภาษามีความเหม าะสมไว้ใช้สั่งานทางด้านการจัดข ้อมูล
สิ้นสุดการสนทนา
ซอฟแวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอ ร์ช่วยในการทำงานมนูษย์จะต้องบอ กขั้นตอนวิธีการให้คอมพิวเตอร์ท ราบการบอกสิ่งที่มนูษย์เข้าใจให ้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวัน เเล้ว เรามีภาษาที่ใช้ในการติดตอวึ่งก ันและกัน เช่นเดียวกันถ้ามนษย์ต้องการจะถ ่ายทอดความต้องการให้คอมพิวเตอร ์รับรู้แปฏิบัติตามจะต้องมีสื่อ กลางสำหลับการติดต่อเพื่อให้คอม พิวเตอร์รับรู้เราเรียกสื่อกลาง ว่า ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุคประกอ บด้วย
ภาษาเครื่อง (Machine Languages)
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสั ญญาณทางไฟฟ้าใช้แทนด้วยตัวเลข0 และ 1 ได้ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ใช้ตัวเ ลข 0 และ 1 นี่เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งง านคอมพิวเตอร์ รหัสแทนข้อมูลและคำสั่งโดยใช้ระ บบเลขฐาน สองนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เราเรียกเลขฐานสองที่ประกอบกันเ ป็นชุดคำสั่งและใช้สั่งงานคอมพิ วเตอร์ว่าภาษาเครื่อง
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพ ิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันทีแต่มนุษ ย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมากเพราะ เข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ใน รูปแบบอื่นเป็นตัวอักษร
ภาษาแอสเซมบาลี(assembly languages)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่สอง ถัดจากภาษาเครื่อง ภาษาแอสเซมบาลีช่วยลดความยุ่งยา กลงในการเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่ อกับคอมพิวเตอร์
แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบาลีก็ ยังมีความใกล้เคียงภาษาเครื่อง อยู่มาก และจำเป็นต้องใช้ตัวแปลภาษาที่เ รียกว่าแอสเซมเบลอร์ assembler เพื่อแปลชุดภาษาแอสเซมบาลีให้เป ็นภาษาเครื่อง
ภาษาระดับสูง HIGH- LEVEL LANGUAGES
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เริ่มมีการใช้ชุดคำสั่งที่เรียก ว่า Statements ที่มีลักษณะเป็นประโยคภาษาอังกฤ ษ ทำให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเข้า ใจชุดคำสั่งเพื่อสั่งให้คอมพิวเ ตอร์ทำงานง่ายขึ้นเนื่องจากภาระ ดับสูงใกล้เคียงภาษามนุษย์ ตัวแปลภาษาระดับสูงเพื่อให้เป็น ภาเครื่องนั้นมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ
คอมไพเลอร์ compiler และอินเทอร์พรีเตอร์ Interpreter
การพัฒนาซอฟแวร์ต้องอาศัยซอฟแวร์
ภาษาระดับสูงมีหลายภาษาซึ่งสร้า
ซึ่งภาษาระดับสูงได้แก่ ภาษาBasic Pascal C และภาษาโลโก เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีภาษาคอบพิวเตอร์ที่ใช้อยู่
2.2 ซอฟแวร์ประยุกต์
Application Software
ซอฟแวร์ที่ใช้งานรวมกับคอมพิวเต
ประเภทของซอฟแวร์ประยุกต์
แบ่งตามลักษณะการผลิต จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1 ซอฟแวร์ที่พัฒนาขึนใช้เองโดยเฉร
Propietary Sofware
2 ซอฟแวร์ที่หาซื่อได้ทั่วไป Pacfaged Software
มีทั้งโปรแกรมเฉราะ Customized package และโปรแกรมมาตรฐาน Standard package
ประเภทของซอฟแวร์ปรัยุกต์
แบ่งตามกลุ่มใช้งาน จำแนกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ดั่งนี้
1. กลุ่มการใช้งานทางธุรกิจ
Business
2. กลุ่มการใช้งานด้านกราฟิกและมัล
3. กลุ่มการใช้งานเว็บ Wed and communicatiosn
กลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกิจ Business
ซอฟแวแวร์กลุ่มนี้ ถูกนำมาใช้โดยมุ่งหวังให้การทำง
โปรปกรมประมวลคำ อาทิ MICROSOFT WORRD SUN StarOffce Writer
โปรแกรม ตารางคำนวน อาทิ MICROSOFT Excel SUN StarOffce Cals
โปรแกรมนำเสนองาน อาทิ Microsoft PowerOoint Sun StarOffice Impress
กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิกและ
ซอฟแวกลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ่งเพื่อ
โปรแกรมงานออกแบบ อาทิ Microsft Professional
โปรแกรมตกแต่แต่งภาพ อาทิ coreldraw adode photshop
โปรแกรมตัดต่อวิดิโอและเสียง อาทิ adobe premirer pinnacle studio dv
โปรแกรมสร้างสื่อมัลติมีเดีย อาทิ adobe authorwarer toolbook instructor adobe directtor
โปรแกรมสร้างเว็บ อาทิ adobe flash adobe dreamweaver
กลุ่มการใช้งานบนเว็บและการติดต่
เมื่อเกิดการเติบโตของเครือข่าย
โปรแกรมจดการอีเมล อาทิ Microroft Outlook Mozzila hunderdird
โปรแกรมท่องเว็บ อาทิ Microroft internet explcrer moxxila fireox
โปรแกรม ประชุมทางไกล video conference อาทิ Microroft netmeeting
โปรแกรมส่งข้อความด่วน intant messaging อาทิ sms messenger window messenger icq
โปรแกรมสนทนาบนอินเตอร์เน็ต อาทิ pirch mirch
ความจำของการใช้ซอฟแวร์
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้ว่าค
สิ้นสุดการสนทนา
ซอฟแวร์และภาษาคอมพิวเตอร์
เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอ
ภาษาคอมพิวเตอร์ในแต่ละยุคประกอ
ภาษาเครื่อง (Machine Languages)
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสั
การใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพ
ภาษาแอสเซมบาลี(assembly languages)
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่สอง
แต่อย่างไรก็ตามภาษาแอสเซมบาลีก็
ภาษาระดับสูง HIGH- LEVEL LANGUAGES
เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 3 เริ่มมีการใช้ชุดคำสั่งที่เรียก
คอมไพเลอร์ compiler และอินเทอร์พรีเตอร์ Interpreter